ปัจจุบัน ฟิลม์กรองแสงมีมากมายหลายเกรด หลายยี่ห้อ บางคนก็บอกว่า ยี่ห้อนั้น รุ่นนั้น ดีบ้างหละ
บางคนก็บอก ยี่ห้อนี้ รุ่นนี้ดีมั่งหละ แล้วที่ว่าดีเนี่ย เราดูจากอะไรเพื่อประกอบการตัดสินใจบ้าง

ก่อนอื่นเลย เราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่าฟิล์มกรองแสงมีกี่ประเภท แล้วมีอะไรบ้าง

1. ฟิล์มธรรมดาย้อมสี ฟิล์มประเภทนี้ ราคาจะถูกมาก ส่วนใหญ่จะนิยมแถมตอนซื้อรถจากโชว์รูมแล้วไม่ระบุยี่ห้อฟิล์ม ฟิล์มแบบนี้สามารถกรองแสงได้ คือให้มืดกับสว่างเท่านั้น แต่ไม่สามารถลดความร้อนจากแสงแดดได้เลย นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานที่สั้นเพียง 1-3 ปีเท่านั้น ฟิล์มจะเริ่มเสื่อมสภาพและส่งผลให้ฟิล์มย่น มัวและเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง มองไม่ค่อยชัดรวมไปถึงการคายสารก่อมะเร็งอีกด้วย

2. ฟิล์มลดความร้อนที่ไม่ผสมโลหะ ฟิล์มประเภทนี้ จะสามารถป้องกันความร้อนได้ดีในระดับนึง และมีความชัดเคลียร์ใสที่ดี ไม่รบกวนสัญญาณอิเลคทรอนิกส์ต่างๆที่ใช้ในรถ อาทิเช่น GPS, Easy Pass และนิยมแถมเวลาซื้อรถใหม่ กรณีฟิล์มมียี่ห้อ

3. ฟิล์มเคลือบโลหะ ฟิล์มประเภทนี้ จะสามารถลดความร้อนได้ค่อนข้างดีกว่าฟิล์มที่ไม่ผสมโลหะ ราคาไม่สูงมาก สามารถจับต้องได้ทุกคน นิยมแถมจากโชว์รูมกรณีระบุยี่ห้อ แต่ฟิล์มประเภทนี้ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง อาทิเช่น

– มีเงาสะท้อนบนกระจกค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเวลามีของวางบริเวณคอนโซล จะทำให้สะท้อนรบกวนสายตาระหว่างขับขี่ เนื่องจากฟิล์มมีความเงาจากโลหะ มากน้อยแล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ

– รบกวนสัญญาณ GPS, Easy Pass และ สัญญาณวิทยุ ยกตัวอย่างกรณีที่เราใช้แผนที่นำทางในมือถือ จะทำให้ GPS ทำงานช้า หรือเพี้ยนได้ เนื่องจากโลหะ Block การสะท้อนของสัญญาณ อิเลคทรอนิกส์ต่างๆภายในรถและนอกรถ

4. ฟิล์มผสมฉนวนกันความร้อน ฟิล์มประเภทนี้ จะมีราคาค่อนข้างสูง และป้องกันความร้อนได้ดีมากๆซึ่ง ส่วนผสมที่เป็นฉนวนกันความร้อนนั้นได้แก่ ผงคาร์บอน ผงเซรามิค ส่วนเทคโนโลยีที่มาทำก็มีแบบทั้งธรรมดาและระดับนาโน ซึ่งก็ขึ้นอยู่รุ่นของฟิล์มและยี่ห้อของฟิล์มด้วย และยังมีจุดเด่นอีกหลายข้ออาทิเช่น

– มืดนอกสว่างใน
– ลดความร้อนสูงมากๆ ดีกว่าฟิล์มทุกประเภทที่กล่าวมาข้างต้น
– มีความเคลียร์ใส เงาสะท้อนที่กระจกน้อย
– ไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น GPS, Easy Pass, วิทยุ

5. ฟิล์มนิรภัย ฟิล์มประเภทนี้ คือฟิล์มที่มีคุณสมบัติยึดเกาะพื้นผิวกระจกจากแรงกระแทก ป้องกันการทะลุของเนื้อฟิล์ม ช่วยป้องกันเศษกระจกที่จะแตกมาใส่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเวลาเกิดอุบัติเหตุ และยังช่วยป้องกันการโจรกรรมได้อีกด้วย เช่น แก๊งค์ปาหิน หรือการทุบกระจกรถเพื่อขโมยของภายในรถ นอกจากนี้ฟิล์มนิรภัยยังแบ่งเป็น 2 แบบอีกด้วย ได้แก่ฟิล์มนิรภัยที่ลดความร้อนได้และลดความร้อนไม่ได้